Microphone Specification...เลือกดีๆ ไม่มีขาดทุน !




        ไมโครโฟนมีเป็นร้อยๆยี่ห้อ มีเป็นพันๆรุ่น ราคาก็หลากหลาย การจะเลือกไมโครโฟนสักตัวมาใช้ให้เหมาะกับงานและงบก็เป็นเรื่องที่คิดหนักพอสมควร แน่นอนว่าวิธีที่ดีที่สุดคือการได้ลองใช้มัน ลองฟังเสียงของมัน แต่…ในเมื่อมันมีเป็นร้อยๆพันๆตัว เราจะเลือกตัวไหนล่ะ? วิธีการที่เราจะคัดสัก 4-5 ตัวที่ตรงใจเรามา แล้วลองใช้มันหรือลองฟังเสียงของมันในขึ้นตอนสุดท้าย ก็คือ การอ่านสเป็คของมัน นั่นเอง 


  
สเป็คของ ไมค์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ อาจให้ข้อมูลไม่เท่ากัน หรืออาจเรียกชื่อไม่เหมือนกัน แต่ที่มักจะพบบ่อยๆ ก็ได้แก่



1. Operating Principle หรือ Element Type คือชนิดของไมค์นั่นเอง ได้แก่ Dynamic , Ribbon หรือ Condensor

2. Polar Pattern หรือ Polar Response หรือ Directional Characteristics  คือทิศทางการรับเสียงของมันว่าเป็น Omni, Bi-directional , Cardioid, sub/super/hyper/ultra  ในบางครั้งปรากฏในรูปของ Acoustic Principle แบ่งเป็น Pressure operating และ Pressure gradient




3. Frequency Range บอกว่า ไมค์ตัวนี้ตอบสนองต่อเสียงตั้งแต่Hz จนถึงกี่ Hz เช่น 20-20,000 Hz


4. Frequency Response Curve เป็นกราฟเส้นแสดงความสามารถในการตอบสนองต่อความถี่แต่ละย่านของไมค์ตัวนี้ ซึ่งในกราฟนึงอาจมีหลายเส้น เพื่อแสดงความสัมพันธ์ระหว่างระยะห่างของเสียงและไมค์ กับ ความถี่ที่ตอบสนอง
5. Proximity Effect จะบอกเป็นปริมาณของความดังและความถี่ที่เกิด "Proximity Effect"  ในระยะห่างต่างๆ ปกติก็จะเป็นเส้นประรวมไปอยู่ใน Frequency Response Curve


      

         Proximity Effect หรือ Bass Boost/ Bass Tip up เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดกับไมค์ประเภท Pressure Gradient เมื่อแหล่งกำเนิดเสียงอยู่ใกล้ไมค์เกินไป ทำให้ไมค์ตอบสนองต่อความถี่ต่ำมากกว่าปกติ เพราะความถี่ต่ำมีความยาวคลื่นมากกว่า กว่าจะครบ 1 รอบต้องใช้เวลาในการเดินทางมากกว่า ถ้าหากมันเกิดขึ้นใกล้กับไมค์เกินไป มันก็จะใช้เวลาเดินทางผ่านไมค์ มากกว่าปกติ  

       แต่ว่าถ้าไมค์ที่เป็น Omnidirectional ซึ่งไม่สนใจทิศทางของเสียง สนใจแค่การเปลี่ยนแปลงของแรงดันอากาศจะไม่มี Proximity Effect!  เพราะสำหรับ Omni ไม่ว่าเสียงจะเดินทางยังไง มาจากทิศทางไหน ตราบใดที่ยังอยู่ในรัศมีที่ตอบสนองได้ ก็ไม่ต่างกัน

6. Overload limit หรือ Maximum sound pressure level จะบอกว่าไมค์ตัวนี้รับเสียงได้ดังที่สุดเท่าไหร่ ก่อนที่เสียงจะแตก (Distortion) ยิ่งค่า Max SPL มากยิ่งดี  ซึ่งใน Condensor Microphone ที่ดีๆ จะมีสวิตช์ที่เขียนว่า PAD  ซึ่งเป็นการลดปริมาณสัญญาณ Output ของไมค์นั่นเอง เช่น ถ้า PAD -10dB แล้วเสียงที่เข้ามา(Input)เท่ากับ 120dB SPL แต่จะเหมือนเข้ามาและออกไปแค่ 110 dB SPL ในอีกความหมายนึง มันคือการเพิ่มความสามารถในการรับเสียงจากภาค Input ให้ดังได้มากขึ้น เช่น PAD -10dB จากปกติรับได้สูงสุด 120 dB SPL แล้วเสียงจะแตก แต่เมื่อ PAD แล้วสามารถรับเสียงที่มีความดังได้สูงสุด 130 dB SPL 

7. Sensitivity เป็นการเทียบว่า ถ้าหาก ความดังที่ 94 dBSPL (เป็นปริมาณอ้างอิงเทียบจาก 1 Pascal) จะเปลี่ยนเป็นกระแสไฟฟ้าได้กี่ dBV ยิ่งมากยิ่งดี บางครั้งเขียนในรูปของ - X dBV บางครั้งเขียนในรูปของ X mV/PA  เช่น -54 dBV หรือ 2mV/PA ซึ่งแม้ว่าค่า Sensitive จะไม่มีผลต่อคุณภาพเสียงของไมค์ แต่มีผลต่อการอัดเสียงโดยภาพรวม ถ้าหากว่า Sensivity น้อยหมายความว่าได้กระแสไฟฟ้าน้อย ต้องเพิ่ม Gain ให้มากขึ้น ซึ่งทำให้เพิ่มNoise Floor ขึ้นมาด้วย 

8. Self Noise เป็นNoise ที่คงที่และอยู่ในตัวของไมค์อยู่แล้ว สำหรับไมค์ Dynamic และ Ribbon เกิดจากการที่อิเล็กตรอนขยับในขดลวดหรือแผ่นโลหะ สำหรับ Condensor เกิดจากวงจร Impedance Conversion Ampilfier ซึ่งไมค์ดีๆแพงๆ จะมี seld noise ต่ำมากๆ น้อยกว่า 20 dBSPL




9. Signal to Noise Ratio (เขียนสั้นๆว่า S/N) ในการอัดเสียงคืออัตราส่วนความห่างระหว่างสัญญาณกับNoise Floor แต่สำหรับในไมโครโฟน มันคือค่าความต่างระหว่างค่าอ้างอิง 1 Pascal หรือ 94 dBSPL กับ selfnoise ของไมค์ตัวนั้น เช่น ถ้ามี Self Noise 20  dBSPL ก็จะมี Signal to noise ratio = 74 dB ซึ่งในไมค์ดีๆและแพงๆ จะมีค่า S/N สูง

10. Output Impedance ค่าความต้านทานของไมค์ ยิ่งน้อยยิ่งดี ปกติอยู่ระหว่าง 150-600 โอห์ม

11. Dimension ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง)

12. Weight น้ำหนัก

13. Connector บอกว่า Mic ตัวนี้ต้องต่อก่อสายสัญญาณแบบไหน ปกติแล้วจะเป็น XLR


        เราจะรู้ศักยภาพของไมค์แต่ละตัวได้ก็ต่อเมื่อได้ใช้มันเท่านั้น แต่ก่อนที่เราจะได้ใช้มัน อย่างน้อยเราก็ควรรู้ว่ามันเป็นยังไง ทำอะไรได้บ้าง มีข้อดีอย่างไร มีข้อเสียอย่างไร เพื่อที่เราจะได้เตรียมตัวและใช้มันให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ฉะนั้นเวลาจะเลือกซื้อไมค์สักตัว ก็อย่าลืมดูสเป็คของมันซะก่อนนะครับ :)
สุดท้ายนี้ใครที่มีข้อสงสัยหรืออยากแสดงความคิดเห็นใดๆก็ Comment กันมาได้เลยนะครับขอบคุณที่ติดตามพวกเรา Horse Power Production ครับ :)

ขอบคุณรูปภาพสวยๆจาก
- RMIT studio 1
- AKG c28 specification
- www.record-producer.com
- www.sweetwater.com
- www.recordinghacks.com

By Sound Guy

No comments:

Post a Comment